เรื่องย่อหนัง
สร้างจากเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์ของนักเขียนในตำนาน โรเบิร์ต เอ ไฮน์ไลน์ ที่กลายมาเป็นผลงานภาพยนตร์ทริลเลอร์-ไซไฟเรื่องใหม่จากผู้กำกับ Daybreakers เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกอนาคต เมื่อ เจ้าหน้าที่พิเศษ (อีธาน ฮอว์ค) มีหน้าที่ในการเดินทางย้อนเวลาเพื่อหยุดยั้งอาชญากรรมก่อนที่มันจะเกิดขึ้น โดยภารกิจสุดท้ายของเขาก็คือการเดินทางกลับไปหาตัวเองสมัยเด็ก เพื่อชักชวนให้เข้ามาทำงานเหมือนเขา รวมถึงการตามล่าหาอาชญากรข้ามเวลา
ปริศนาที่เขาไล่ตามจับมาตลอดชีวิต
ตัวอย่างหนังออนไลน์
รีวิวหนัง
หนังพยายามสุดๆ แต่เสียดายที่ช่องโหว่มันก็ใหญ่สัสๆ เหมือนกัน เราไม่เชื่อว่ามันจะรักกันได้กันขนาดนั้นได้ง่ายๆ ยิ่งแล้วใหญ่เมื่อตัวละครมันรู้ว่าสิ่งที่จะทำลงไปมันจะส่งผลดีร้ายยังไง มันไม่มีรายละเอียดการดีเบตของตัวละครตรงนั้นทำให้การไปต่อมันเหมือนดันทุรังเหมือนแถและบังคับตัวละครให้เป็นไปตามเป้าเพื่อเรื่องราวที่สมบูรณ์ และเราไม่แน่ใจว่าคนในอดีตกับอนาคตโครโมโซมมันจะชุดเดียวกัน ได้กันแล้วมีลูกแล้วคลอดออกมาจะบกพร่องทางร่างกายหรือสติปัญญาหรือเปล่า
แต่พอมองในแง่ของสาส์นและปรัชญาที่ดูหนังผ่านมาสองสามวันแล้วยังก้องทบทวนอยู่ในหัว มันก็เอ็ฟเฟ็กต์กับเราได้มากๆ แต่ก็ยังคิดไม่ตกตะกอนสักที แล้วเราสนใจเรื่องราวต่อไปที่ว่า พอพระเอกมันฆ่าอนาคตตัวเองตายแล้ว ตัวมันเองในปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงอนาคตตัวเองได้หรือเปล่านะ…และตัวมันในเวลาอื่นๆ จะมาป๊ะกันและฆ่ากันอีกหรือเปล่า พอเปลี่ยนไก่กับไข่มาเป็นคนมันก็งงและหาคำตอบยากพอๆ กัน แต่ความคิดหนึ่งที่แว้บเข้ามาหลังจากหนังจบก็คือว่าพระเจ้าไม่ได้สร้างเรา เราต่างหากที่สร้างตัวเราเองขึ้นมา…
ที่ชอบที่สุดคือความทะเยอทะยานที่มันอยู่ในร่องในรอยไม่ออกนอกลู่นอกทางไปไหนได้ตลอดรอดฝั่ง ทั้งอารมณ์และบรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้หนังมันสนุกเพื่อเสิร์ฟอัดคนดูลูกเดียว แต่ทุกอย่างมีไว้เพื่อพยุงเรื่องที่จะเล่าซึ่งความพยายามที่จะเล่ามันทำให้มันออกมาสนุกน่าลุ้นน่าตื่นเต้นได้ ถึงแม้เราจะเดาหนังได้ตั้งแต่เนิ่นก็ตาม
ตอนดูนี่สงสัยตลอดเวลาว่าแคสต์ของ Sarah Snook เนี่ยใช้นักแสดงคนเดียวหรือสองคนกัน โดยเฉพาะหลังเป็นผู้ชายแล้วเพราะวางเสียงเนียนมากๆ แว้บหนึ่งเราเห็นเป็น Dane Dehaan สักพักเป็น Leonardo DiCaprio หรือไม่ก็ Léa Seydoux ซึ่งมันก็เสริมความสนุกในการเทียบเคียงหน้าคนนั้นคนนี้แต่ก็ขัดสมาธิในการจ้องสังเกตไปทั้งเรื่อง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
สุดท้ายคือเราเกิดคำถามว่า ถ้านี่เป็นหนังของ Christopher Nolan หรือผู้กำกับที่มีสาวกอุ่นหนาฝาคั่งคนอื่นๆ เรื่องราวแบบนี้ ประเด็นแบบนี้ วิธีการเล่าแบบนี้คนดูจะยังเอ็ฟเฟ็กต์กับหนังในความรู้สึกที่เป็นอยู่อย่างนี้หรือเปล่านะ?